เจดีย์วัดแก้ว

อำเภอ ไชยา ตำบล เลม็ด สุราษฎร์ธานี 84110 ประเทศไทย
Claim
Flag

Services Detail

สถานที่ตั้ง
เจดีย์วัดแก้ว   เป็นโบราณสถานทางพระพุทธศาสนาที่สำคัญแห่งหนึ่ง   ตั้งอยู่ในวัดแก้ว หมู่ที่  ๒  ตำบลเลม็ด  อำเภอไชยา  จังหวัดสุราษฎร์ธานี  เจดีย์วัดแก้วเป็นที่สนใจของนักประวัติศาสตร์และ นักโบราณคดีเป็นพิเศษในด้านสถาปัตยกรรม  ศิลปกรรม  และโบราณคดี  เพราะเจดีย์องค์นี้ยังคงเหลือส่วน ก่อสร้าง ซึ่งเป็นศาสนสถานที่ทรงรูปแบบสถาปัตยกรรมเดิมไว้เกือบสมบูรณ์

ประวัติความเป็นมา
เจดีย์วัดแก้ว  มีอายุเก่าแก่ร่วมพันปีมาแล้ว  และร่วมสมัยเดียวกันกับเจดีย์วัดหลง พระเจดีย์ วัดพระบรมธาตุไชยา (ระหว่างพุทธศตวรรษที่ ๑๔-๑๕ ) แต่เดิมพระเจดีย์วัดแก้วทรุดโทรมมาก บริเวณทั่วไป ปกคลุมด้วยมูลดินและวัชพืช  โดยเฉพาะห้องกลางของเจดีย์มีดินและอิฐหักอัดแน่นเต็มห้อง   เห็นลักษณะ ทรวดทรงทางสถาปัตยกรรมแต่เพียงด้านทิศใต้เพียงด้านเดียว  ต่อมาเมื่อ  พ.ศ.  ๒๕๑๙  และ  พ.ศ.๒๕๒๒ กองโบราณคดี     กรมศิลปากรได้ทำการขุดแต่งและบูรณะ      จึงทำให้เห็นรูปทรงทางศิลปะ     การขุดแต่ง โบราณสถานแห่งนี้ทำให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และโบราณคดี  หลักฐานที่พบได้แก่   เครื่องมือหิน เศษภาชนะดินเผา กระปุก พระพุทธรูป และประติมากรรมในศาสนาพราหมณ์

ความสำคัญต่อชุมชน
เป็นที่เคารพสักการะของชาวบ้านแถบนั้นและบุคคลทั่วไป  ชาวบ้านจะไปทำบุญที่วัดแก้วอย่าง สม่ำเสมอในวันพระแปดค่ำและวันสำคัญทางศาสนา

ลักษณะทางสถาปัตยกรรม
เจดีย์วัดแก้วเป็นสถาปัตยกรรมแบบก่ออิฐไม่ถือปูน  ฐานล่างเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส ยาวด้านละ  ๒๔ เมตร  พื้นฐานล่างจมอยู่ใต้ดิน  ๑.๐๐  –  ๑.๕๐  เมตร จากพื้นฐานล่างถึงยอดสุดสูง ๑๒ เมตร มีมุข ๔ ด้าน แต่ละด้านมุขยื่นออกไป ๒.๒๐  เมตร จากมุขตะวันออกถึงมุขตะวันตกยาว ๑๗.๕๐ เมตร  ระหว่างมุขทำเป็น ฐานย่อมุมไม้สิบสอง บนมุขแต่ละมุขมีซุ้ม  ๔  ซุ้ม  ช่องประตูทางเข้าแต่ละซุ้มใช้แผ่นศิลาสีเขียวทำเป็นกรอบ และทับหลังประตูที่ยังมีเหลืออยู่ให้เห็นเฉพาะด้านใต้ด้านเดียว  จากหลักฐานที่พบจากการขุดและบูรณะเจดีย์วัดแก้วของกรมศิลปากร  ได้พบหลักฐานต่างๆ พอที่จะ นำไปสนับสนุนได้ว่า  เมืองไชยาอดีตเป็นศูนย์กลางทางพุทธศาสนา   หรือศูนย์กลางอำนาจ  หรือศูนย์กลาง การค้าขายอย่างใดอย่างหนึ่งหรือเกินกว่า ๑  อย่าง และมีส่วนเกี่ยวข้องกับบริเวณที่ตั้งเมืองไชยา

เส้นทางเข้าสู่วัดแก้ว
ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข   ๔๑   โดยทางรถยนต์   โดยสารรถยนต์   หรือรถจักรยานยนต์   จากสี่แยก โมถ่าย  –   ตลาดไชยา  ประมาณ  ๔  กิโลเมตร  หรือโดยสารรถไฟลงที่สถานีรถไฟไชยา  โดยสารรถยนต์หรือ รถจักรยานยนต์ ประมาณ ๒ กิโลเมตร

หลักฐานทางโบราณคดีและรูปแบบศิลปกรรม    
 ๑. เจดีย์ เป็นเจดีย์ทรงปราสาท
โครงสร้างก่ออิฐไม่สอปูน ขัดผิวหน้าอิฐเรียบ อยู่ในผังรูปกากบาท ฐานชั้นล่างสุดเป็นฐานเขียงสี่เหลี่ยมจัตุรัส ลักษณะเป็นฐานประทักษิณ มีบันไดทางขึ้นด้านทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ตัวอาคารเรือนธาตุเป็นอาคารทรงจตุรมุขขนาดประมาณ ๑๘ x ๑๘ เมตร ระหว่างมุมของมุขต่อด้วยมุมของเรือนธาตุ ( มุมใหญ่ต่อมุมใหญ่ ) ออกเก็จเพิ่มมุมอีก ๑ มุม จนดูคล้ายย่อมุมไม้ยี่สิบ ซึ่งโดยข้อเท็จจริงแล้วมิใช่การย่อมุม เพราะมุมที่แตกออกมาเป็นมุมเล็กคนละขนาดกับมุมใหญ่ (เรียกว่าเพิ่มมุม) ตัวเรือนธาตุวางอยู่บนชุดฐานบัวที่ประกอบด้วยฐานเขียง กึ่งกลางฐานเขียงค่อนไปทางด้านบน เว้นเป็นร่องและก่ออิฐเว้นช่อง ต่อด้วยบัวคว่ำและลูกแก้ว ชุดฐานนี้ทำหน้าที่เป็นบัวตีนธาตุ ถัดขึ้นไปเป็นผนังอาคาร มุขด้านทิศตะวันออกเป็นทางนำเข้าสู่ห้องโถงกลาง (ห้องครรภคฤหะ) ขนาดประมาณ ๔ x ๔ เมตร ประดิษฐานพระพุทธรูปประธานคือพระพุทธรูปปางมารวิชัยก่ออิฐ สภาพชำรุดเหลือเฉพาะหน้าตักขนาดกว้างเกือบ ๔ เมตรถึงส่วนบั้นพระองค์ ส่วนหลังของพระประธานก่ออิฐติดกับผนังอาคาร ด้านซ้ายและขวาของพระประธานเจาะซุ้มจระนำสำหรับประดิษฐานพพระพุทธรูปก่ออิฐ ส่วนหลังองค์พระติดกับผนังอาคารเช่นเดียวกัน

ผนังด้านนอกอาคารตกแต่งด้วยเสาติดผนังและเซาะร่องผ่ากลางเสาจากโคนไปถึงยอดเสา เสารูปแบบนี้มีใช้ในจันทิกะลาสันในชวาภาคกลาง ประเทศอินโดนีเซีย แต่ก็ยังคล้ายกับเสาติดผนังที่ปราสาทจาม ศิลปะมีเซิน A 1 ในประเทศเวียดนามมากกว่า ( สุภัทรดิศ ดิศกุล , ม.จ. , ๒๕๐๔ : ๒๐๑ ) มุขด้านทิศใต้ยังอยู่ในสภาพดี ด้านในลักษณะเป็นห้องคูหาปรากฏเสาประดับกรอบประตูอิฐ ด้านข้างมีซุ้มจำลองคงย่อส่วนจากรูปแบบอาคารจริง ซึ่งปัจจุบันส่วนยอดหักพังไปหมดแล้ว ประตูทางเข้ามุขด้านทิศใต้มีกรอบประตู ทับหลังประตู ทำจากหินปูน อยู่ในสภาพดั้งเดิม ความสูงของประตูประมาณ ๑.๖๐ เมตร เข้าใจว่าประตูทางเข้าทุกด้านของมุขคงมีลักษณะนี้หมดทุกด้าน ภายในห้องคูหาประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยก่ออิฐ สภาพชำรุด ส่วนหลังองค์พระก่อติดกับผนังอาคาร ด้านซ้ายและขวาเจาะซุ้มจระนำสำหรับประดิษฐานพระพุทธรูปเช่นเดียวกับห้องโถงกลาง ที่ผนังด้านทิศตะวันตกของมุขด้านนี้มีการตกแต่งผนังโดยทำซุ้มจำลอง แสดงว่าผนังมุขทุกด้านคงตกแต่งด้วยซุ้มจำลองเหมือนกันหมด อย่างไรก็ดีมุขด้านทิศเหนือมีร่องรอยการบูรณะปรับเปลี่ยน โดยนำพระพุทธรูป หินทรายสีแดงสมัยอยุธยาเข้ามาประดิษฐานในคูหาแทน เหนือชั้นเรือนธาตุด้านทิศใต้ปรากฏร่องรอยซุ้มหน้าบันเป็นวงโค้งเล็ก ๆ (กุฑุ) ประดับอยู่ น่าจะมีทั้งสี่ด้าน ส่วนยอดของอาคารถัดขึ้นไปจากห้องนี้หักพังลงมาหมดแล้วแต่เข้าใจว่าน่าจะเป็นการจำลองอาคารลดหลั่นขึ้นไปเป็นชั้นๆ แบบปราสาทขอมหรือปราสาทจาม หากแต่ว่าแต่ละชั้นของหลังคาคงประดับด้วยสถูปจำลอง (สถูปิกะ) อันเป็นสัญลักษณ์แห่งมณฑลจักวาลของพุทธศาสนามหายาน ทั้งนี้สถูปจำลองทำด้วยศิลาทรายแดงหลายองค์บริเวณรอบฐานอาคาร คงจะหักพังมาจากส่วนยอด และเข้าใจว่ายอดบนน่าจะเป็นสถูปกลมใหญ่ ๑ องค์ รับกับสถูปจำลองที่ประดับอยู่ตามชั้นหลังคา

จากรูปลักษณะแผนผังรูปกากบาทประกอบด้วยเรือนธาตุและมุขทั้งสี่ด้าน มีลักษณะคล้ายจันทิกะลาสัน สร้างขึ้นเพื่อประดิษฐานพระนางตารา ในศิลปะชวาภาคกลาง กำหนดอายุจากจารึกที่พบที่จันทิกะลาสันตรงกับ พ.ศ. ๑๓๒๑ (Ariswara ,๑๙๙๖: ๔๓ ) แต่ลักษณะการตกแต่งภายนอกมีความคล้ายคลึงกับปราสาทในศิลปกรรมจากสถาปัตยกรรมแบบท้องถิ่นที่สร้างสรรค์ขึ้นในเมืองไชยาเอง โดยได้รับอิทธิพลทางด้านศิลปกรรมมาจากอินเดีย ส่วนที่เหมือนหรือคล้ายคลึงกับศิลปะในประเทศเพื่อนบ้านไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นผู้รับหรือผู้ส่งอิทธิพลให้แก่กัน กำหนดอายุโบราณสถานราวพุทธศตวรรษที่ ๑๔-๑๕

๒. โบราณวัตถุจากการขุดค้นบริเวณห้องโถงกลาง
๒.๑ พระพุทธรูปศิลปะอู่ทอง ได้แก่พระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลาทรายแดง สูง ๖๔ เซนติเมตร หน้าตัก ๔๐ เซนติเมตร สภาพสมบูรณ์
๒.๒ พระพุทธรูปศิลปะอยุธยา ได้แก่พระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลาทรายแดง สูง ๙๖ เซนติเมตร หน้าตัก ๑๐๒ เซนติเมตร พระเศียรหัก พระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลาทรายแดง สูง ๙๔ เซนติเมตร หน้าตัก ๑๒๐ เซนติเมตร พระเศียรหัก พระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลาทรายแดง สูง ๔๔ เซนติเมตร หน้าตัก ๖๐ เซนติเมตร พระเศียรและพระพาหาขวาหัก พระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลาทรายแดง สูง ๕๙ เซนติเมตร หน้าตัก ๓๗ เซนติเมตร พระพุทธรูปปางมารวิชัย ปูนปั้น สูง ๖๐ เซนติเมตร หน้าตัก ๘๕ เซนติเมตร พระเศียรหัก พระพุทธรูปปางมารวิชัย ปูนปั้น สูง ๖๐ เซนติเมตร หน้าตัก ๘๗ เซนติเมตร พระพุทธรูปทรงเครื่อง ศิลาทรายแดงพบครึ่งองค์ สูง ๓๑ เซนติเมตร เศียรพระพุทธรูปศิลาทรายแดงสูง ๖๗ เซนติเมตร เศียรพระพุทธรูปศิลาทรายแดงสูง ๔๐ เซนติเมตร เศียรพระพุทธรูปศิลาทรายแดงสูง ๑๕ เซนติเมตร เศียรพระพุทธรูปศิลาทรายแดงสูง ๙ เซนติเมตร เศียรพระพุทธรูปศิลาทรายแดงสูง ๑๗ เซนติเมตร เศียรพระพุทธรูปศิลาทรายแดงสูง ๓๙ เซนติเมตร เศียรพระพุทธรูปศิลาทรายแดงสูง ๒๗.๕ เซนติเมตร พระนาสิกชำรุด เศียรพระพุทธรูปศิลาทรายแดงสูง ๒๓ เซนติเมตร เศียรพระพุทธรูปปูนปั้นสูง ๑๙ เซนติเมตร
๒.๓ พระพุทธรูปศิลปะลพบุรี ได้แก่ พระพุทธรูปยืนนูนสูงปางประทานอภัยศิลา สูง ๓๒ เซนติเมตร กว้าง ๒๐ เซนติเมตร
๒.๔ รูปเคารพในพุทธศาสนานิกายมหายาน ได้แก่ชิ้นส่วนประติมากรรมรูปมือถือดอกบัว สลักจากหินทราย สีเขียว สูง ๑๖.๕๐ เซนติเมตร ลักษณะเป็นมือซ้ายกำลังถือดอกบัว ค้นพบในห้องโถงกลาง ภาพสลักชิ้นนี้อาจจะเป็นพระหัตถ์ซ้ายของพระโพธิสัตว์ปัทมปาณี
๒.๕ รูปเคารพในศาสนาพราหมณ์ ได้แก่พระคเณศน์ศิลาทรายไม่มีเศียร สูง ๓๖.๕ เซนติเมตร ฐานกว้าง ๕๗ เซนติเมตร พระคเณศน์ศิลาทราย สูง ๔๒ เซนติเมตร ฐานกว้าง ๓๐ เซนติเมตร ศิวลึงค์ศิลา สูง ๑๔ เซนติเมตร กว้าง ๗ เซนติเมตร

๓. โบราณวัตถุจากการขุดค้นบริเวณซุ้มด้านทิศเหนือ
๓.๑ พระพุทธรูปศิลปะอยุธยา ได้แก่ พระพุทธรูปศิลาทรายแดง สูง ๒๑๐ เซนติเมตร หน้าตักกว้าง ๑๖๐ เซนติเมตร พระพุทธรูปปางมารวิชัยสำริดศิลปะอู่ทอง พบเศียรที่หักตกอยู่ข้างๆ สูง ๔๓ เซนติเมตร หน้าตักกว้าง ๒๐ เซนติเมตร พระพุทธรูปยืนปางประทานอภัย(ห้ามญาติ)พระเศียรและพระกรซ้ายไม่มี ฐานหัก สูง ๒๑ เซนติเมตร พระพุทธรูปปางมารวิชัยสำริดพระเกตหัก สูง ๒๔ เซนติเมตร หน้าตักกว้าง ๑๕ เซนติเมตร พระสังกัจจายน์ศิลาทรายสูง๑๔ เซนติเมตร หน้าตักกว้าง ๑๑ เซนติเมตร โดยพระพุทธรูปศิลาทรายแดงองค์ใหญ่นั้นขุดพบครั้งแรกเมื่อวันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๒๑

๔. โบราณวัตถุจากการขุดค้นบริเวณมุขด้านตะวันตก
๔.๑ พระพุทธรูปศิลปะอยุธยา ได้แก่ พระพุทธรูปปางมารวิชัยศิลาทรายแดง สูง ๗๘ เซนติเมตร
๔.๒ ส่วนประดับสถาปัตยกรรม ได้แด่ สถูปจำลองศิลาทรายแดง ๔ ชิ้นประกอบเข้าเป็น ๑ องค์ สูง๗๒ เซนติเมตร กว้าง ๓๓ เซนติเมตร สถูปจำลองศิลาทรายแดง สูง ๖๐ เซนติเมตร กว้าง ๒๐ เซนติเมตร

๕. โบราณวัตถุจากการขุดค้นบริเวณมุขด้านทิศใต้ 
๕.๑ เครื่องถ้วยจีนกระปุกดินเผาสมัยสุโขทัยและอยุธยารวม ๒๐ ใบ

๖. โบราณวัตถุจากการขุดค้นบริเวณมุขด้านทิศตะวันออก
๖.๑ เครื่องถ้วยจีน กระปุกดินเผาสมัยสุโขทัยและอยุธยารวม ๔๒ ใบ
๖.๒ พระพุทธรูป ได้แก่ พระพุทธรูปปางมารวิชัย ทำด้วยศิลาทรายสีแดงไม่พบพระเศียร พบในซุ้มที่ผนังทิศใต้ของมุขด้านตะวันออก พระพุทธรูปองค์นี้น่าจะได้แก่พระพุทธเจ้าอักโษภยะ ผู้ประทับอยู่ทางเบื้องตะวันออก ที่ฐานพระพุทธรูปสลักเป็นรูปสิงห์ด้านข้างฐานข้างละตัว และเบื้องหน้าของฐานมีวัชระประดับอยู่ ประติมากรรมชิ้นนี้มีลักษณะแข็งกระด้างผสมแบบศิลปะจาม

๗. ชิ้นส่วนสถาปัตยกรรม 
พบวางอยู่ใต้ถุนกุฏิทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเจดีย์ได้แก่กรอบประตู ศิลา สภาพสมบูรณ์ จำนวน ๑ ชิ้น สูง ๑.๖๐ เมตร ธรณีประตู ศิลา สภาพสมบูรณ์ จำนวน ๑ ชิ้น กว้าง ๐.๕๐ เมตร ยาว ๑.๗๐ เมตร ขนาดความกว้างของประตู ๑.๓๐ เมตร ( วัดระยะห่างจากรู ๒ รู สำหรับเสียบเดือยประตูไม้ )

Ratings & Reviews

  • We would love your review, here's where your review will show up!

    Rate us and write a review

    • Service
    • Quality
    • Value
    Browseselect images